กลับไปหน้าบทความ

Double Top & Double Bottom: รูปแบบกลับตัว (Reversal) ที่ทำกำไรได้มหาศาล

เทคนิคเทรด 25 พฤศจิกายน 2568
Double Top & Double Bottom: รูปแบบกลับตัว (Reversal) ที่ทำกำไรได้มหาศาล
Technical ตัวอย่าง Double Bottom (รูปแบบตัว W)
Interactive Chart

จิตวิทยาเบื้องหลัง Double Bottom (ตัว W)

ทำไมรูปแบบตัว W ถึงแม่นยำ? ลองจินตนาการดูครับ...

  1. ขาแรก (First Low): ราคาลงแรงมากจนคนกลัวเทขายกันหมด
  2. เด้งขึ้น (Rebound): มีคนเริ่มช้อนซื้อ ทำให้ราคาดีดกลับไปสร้างยอดแหลมตรงกลาง (Neckline)
  3. ขาที่สอง (Second Low): คนขายพยายามทุบราคาลงมาอีกรอบเพื่อทำ Low ใหม่ แต่ทำไม่สำเร็จ! (ติดแนวรับเดิม) แสดงว่า "แรงขายหมดแล้ว"
  4. ระเบิด (Breakout): เมื่อคนเห็นว่าลงไม่ผ่าน แรงซื้อจึงกรูเข้ามาดันราคาจนทะลุ Neckline ขึ้นไป กลายเป็นเทรนด์ขาขึ้นครั้งใหม่

3 สไตล์การเข้าเทรด (Entry Strategy)

คุณสามารถเลือกเข้าเทรดได้ 3 แบบ ตามความเสี่ยงที่รับได้:

1. แบบกล้าได้กล้าเสีย (Aggressive Entry)

เข้า Buy ทันทีที่ราคาลงมาทดสอบขาที่ 2 และเกิดแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Hammer) โดยไม่ต้องรอเบรค Neckline
ข้อดี: ได้ราคาต้นน้ำ, RR (Reward-to-Risk) สูงมาก
ข้อเสีย: มีความเสี่ยงที่ราคาจะทะลุแนวรับลงไปต่อ (รับมีด)

2. แบบมาตรฐาน (Breakout Entry)

รอให้ราคาปิดแท่งเหนือเส้น Neckline อย่างชัดเจนก่อน แล้วค่อยเปิด Buy
ข้อดี: มั่นใจได้ว่ารูปแบบ W สมบูรณ์แล้ว
ข้อเสีย: อาจได้ราคาแพงกว่าแบบแรก

3. แบบปลอดภัย (Retest Entry)

เมื่อราคาทะลุ Neckline ไปแล้ว ให้รอราคาย่อกลับมาทดสอบ Neckline อีกครั้ง (จากแนวต้านกลายเป็นแนวรับ) แล้วค่อยเข้า
ข้อดี: ปลอดภัยที่สุด
ข้อเสีย: บางครั้งราคาพุ่งไปเลยโดยไม่ย่อกลับมา


Double Top (ตัว M)

ใช้หลักการเดียวกันแต่กลับทิศทางครับ เกิดที่ยอดดอย ราคาทดสอบแนวต้าน 2 ครั้งไม่ผ่าน เป็นสัญญาณว่า "หมดแรงขึ้น" เตรียมตัว Sell ได้เลย

ชอบบทความนี้? แชร์เลย!